AI Trading (ปัญญาประดิษฐ์เทรดหุ้น)
ทุกวันนี้เทคโนโลยี AI ได้แทรกอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว อย่างการเดินทาง AI ได้ช่วยค้นหาเส้นทางที่สั้นและรวดเร็วเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด ขณะที่เรากำลังเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ เราจะได้เห็นสินค้าอื่นนอกเหนือจากที่กำลังมองหาอยู่และมีแนวโน้มที่เราจะซื้อหรืออาจรู้ใจเสนอสิ่งที่เราต้องการเลยก็มี ธุรกิจการเงินการลงทุนก็เช่นกันได้เริ่มนำ AI เข้ามาใช้งาน อย่างการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้ AI ซึ่งบริษัทผู้พัฒนาเชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจลงทุนได้มีประสิทธิภาพกว่าการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง
AI คืออะไร
AI - Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์เป็นศาสตร์ในแขนงหนึ่งของวิทยาการทางคอมพิวเตอร์ เป็นการสร้างความฉลาดในสิ่งไม่มีชีวิตให้เทียบเคียงกับสิ่งมีชีวิต คล้ายๆกับเป็นสมองในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ AI ในยุคสมัยแรกคือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้คำนวณทางคณิตศาสตร์เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940s ต่อมาได้มีความก้าวหน้าทางด้าน ฮาร์ดแวร์ AI จึงมีพัฒนาการเรื่อยมาจนมาถึงจุดสำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยี Deep Learning หรือ Machine Learning ทำให้ AI มีความฉลาดใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตที่เทียบเคียงในรูปของการสื่อสารหรือการแสดงออกจนสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมรวมถึงการให้บริการในหลากหลายแขนง
การใช้ AI แบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่
- ด้านการมองเห็นหรือ Vision เช่น เทคโนโลยีการตรวจจับรูปภาพ (image detection) ที่ใช้ช่วยแยกแยะสิ่งของประเภทต่างๆในรูปออกจากกัน เช่นการแยกคนออกจากข้อความในภาพถ่าย หรือขึ้นไปอีกขั้นเป็นเทคโนโลยีการจดจำรูปภาพ (image recognition) อย่างการจดจำใบหน้าของเพื่อนบน Facebook เป็นต้น ในทางการแพทย์มีการใช้ AI อ่านผลScan มะเร็ง หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ซึ่งโดยปกติแพทย์ที่เชี่ยวชาญอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะได้ข้อสมมติฐาน แต่ AI ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเท่านั้น
- ด้านภาษา หรือ NLP-Natural Language Processing เช่นเทคโนโลยีการอ่านตัวอักษรออกมาเป็นเสียง หรือการเปลี่ยนเสียงออกมาเป็นตัวอักษร ช่วยอำนวยความสะดวกในการบันทึก หรือช่วยให้ผู้พิการทางสายตาสามารถรับฟังการอ่านเอกสารต่างๆได้หรือการแปลภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่งด้วยกล้องในโทรศัพท์มือถือในด้านการลงทุนก็มีการใช้เทคโนโลยี data mining หรือ text mining ในการให้ AI อ่านข้อมูลบทวิเคราะห์ หรือความเห็นที่อยู่ตาม social media จำนวนมากแล้วทำการแยกแยะว่าบริษัทที่ถูกเอ่ยถึงอยู่ในกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนหรือไม่ หรือนักลงทุนมีทัศนคติอย่างไรต่อบริษัทนั้นๆ ในประเทศไทยมีการพัฒนา AI ชื่อว่า S-Sense ของ NECTEC ที่เป็นเครื่องมือในการรวบรวม ติดตาม วิเคราะห์ และประมวลผลข้อความบน Social Media ที่มีต่อบริษัท สินค้าหรือสินค้าของตนเองได้
- ด้านการใช้เหตุผล หรือ reasoning เป็นศาสตร์ใหญ่ที่สุดของ AI เกี่ยวข้องกับ Machine Learning ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายที่สุดเช่นผู้ค้าปลีกขนาดใหญ่ใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าว่า ลูกค้าซื้อของชิ้นนี้แล้วมักจะซื้อชิ้นไหนด้วยกันก็จะนำมาวางไว้ใกล้ๆกัน หรือซื้อของชิ้นไหนเป็นประจำก็จะออกโปรโมชันมาให้ตามรอบที่จะซื้อ (Association Rules) หรือในด้านของตัดสินใจการลงทุนแบบง่ายเช่น ถ้าเกิดสัญญาณแบบนี้ขึ้น ควรจะตัดสินใจอย่างไร (Decision Tree) หรือศาสตร์ในการพยากรณ์ที่เลียนแบบโครงข่ายของสมอง (Neural Network) ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (input layer) และนำมาสร้างชุดความรู้ชุดใหม่ (hidden layer) เพื่อหาคำตอบในการพยากรณ์จากสัญญาณนั้นๆ (output layer)
การเรียนรู้ด้วยตัวเองของคอมพิวเตอร์นี้เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็สามารถตัดสินใจตาม knowledge base ที่มีอยู่ (ไม่ใช่ database) ตัวอย่างหนึ่งของ AI รูปแบบนี้ที่มีชื่อเสียงมากคือ AlphaGo ที่สามารถเล่นหมากกระดาน (โกะ) ชนะมนุษย์ได้
การนำ AI มาใช้ในรูปแบบของ Expert System และ Recommendation System
ในด้านการแพทย์มีการใช้ Expert System มาช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคต่างๆได้อย่างรวดเร็วและค่อนข้างแม่นยำ แต่เป็นรูปแบบของ Rules base คือมีการเรียนชุดความรู้แบบเดียวกับแพทย์ว่าถ้ามีอาการเช่น ตัวร้อน ไอ มีเสมหะพร้อมๆกัน โดยไม่มีอาการปวดท้อง เครื่องก็จะสามารถวินิจฉัยโรคว่าป่วยเป็นอะไรได้เหมือนกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
ส่วนระบบ Recommendation System คล้ายๆกับระบบ Expert system แต่ไม่ใช่เป็นการฟันธงแบบ Expert system ที่มีการตัดสินใจให้ว่าควรเป็นอย่างไร แต่ Recommendation system เป็นการนำเสนอตัวเลือกให้ทางเลือกโดยไม่แนะนำแบบฟันธง ส่วนใหญ่เห็นใน APP ช็อปปิ้งที่แนะนำของที่เราชอบ หรือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เราสนใจมาให้เลือก
ทั้งนี้ประสิทธิภาพของการวิเคราะห์และการให้คำแนะนำของ AI นั้น ขึ้นอยู่กับ database หากชุดของข้อมูลนั้นๆมีรูปแบบที่ชัดเจนหรือตายตัวมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ AIสามารถให้คำตอบได้อย่างถูกต้องมากเท่านั้น
AI กับการลงทุน
คอมพิวเตอร์มีความสามารถในการเรียนรู้ในระดับเร็วกว่ามนุษย์มาก (Alpha Zero ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงในการเรียนกลยุทธ์หมากรุกทั้งหมดในโลก) และทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีหยุดพัก ช่วยให้มีการพัฒนา AI ให้มองเห็นสัญญาณบางอย่างที่นักวิเคราะห์ทั่วไปอาจมองไม่เห็น (soft correlation) หรือต้องใช้เวลานานมากในการวิเคราะห์ด้วยมนุษย์ รวมไปถึงการที่ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูล unstructured data ตามสื่อต่างๆทั้งใน social media ทั้งแบบภาพหรือเสียงหรือข้อมูลตามสถิติ สัญญาณทางเทคนิค (นักลงทุนดู graph ได้ทีละตัว แต่AI ดูได้พร้อมๆกันเป็นจำนวนมากภายในเสี้ยววินาที) เพื่อนำไปใช้พยากรณ์ว่าสินทรัพย์ประเภทไหนหรือหุ้นตัวไหนจะขึ้น และทำการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นเพื่อทำกำไร
ความสามารถของ AI จะขึ้นอยู่กับการพัฒนากลยุทธ์หรือ Algorithm ในการคิดของ AI (กลยุทธ์แบบลงทุนระยะสั้น ลงทุนระยะยาว เน้นปัจจัยพื้นฐาน เน้นหุ้นปันผล ฯลฯ) รวมไปถึงการนำข้อมูลมาสอนให้ AI สามารถพัฒนา Model การลงทุนขึ้นมา ดังนั้นผู้พัฒนา AI แต่ละรายก็จะมี Algorithmหรือมีการใช้ชุดข้อมูลในการเรียนรู้ที่อาจจะแตกต่างกัน ผู้พัฒนาแต่ละรายอาจแข่งขันกันเพิ่มเติมในด้านความเร็วของการประมวลผลหรือความเร็วในการตัดสินใจและส่งคำสั่งซื้อขายก่อน AI อื่น
AI Trading ในปัจจุบัน
ปัจจุบันในประเทศไทยมีบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งได้นำเอาเทคโนโลยี AI มาพัฒนาและนำเสนอเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน อย่างไรก็ตาม AI ที่พัฒนาขึ้นมายังอยู่ระหว่างเรียนรู้และสามารถนำมาช่วยการลงทุนได้เพียงบางหน้าที่เท่านั้น เช่น หาผลกระทบของปัจจัยที่เกิดขึ้นในตลาด คัดเลือกหุ้น ช่วยตัดสินใจซื้อขาย บริหารเงินทุนและความเสี่ยงที่เหมาะสม แต่ยังทำได้ในลักษณะเป็นส่วนๆเท่านั้น ยังไม่สามารถ Integrate ทุกหน้าที่เพื่อประเมินและให้ข้อสรุปที่ดีที่สุดพร้อมๆกันได้
หรือแม้กระทั่งการปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับตลาด AI ยังคงไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ว่าช่วงตลาด side way ควรใช้กลยุทธ์ในการเข้าซื้อเมื่อมีสัญญาณทางเทคนิคอย่างชัดเจนว่าหุ้นกำลังปรับตัวเพิ่มขึ้น และขายทำกำไรเมื่อเริ่มมีสัญญาณของความเข้มแข็งน้อยลง (hit and run) หรือช่วงที่ตลาดมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ชัดเจนควรใช้กลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มดีแล้วถือการลงทุน (Trend following) เป็นต้น ผู้ลงทุนยังต้องอ่านทิศทางของตลาดและกำหนดกลยุทธ์การลงทุนด้วยตนเองก่อน ด้วยเหตุนี้การซื้อขายหุ้นด้วย AI ในประเทศไทยยังคงเป็นลักษณะของเครื่องมือประกอบการลงทุนเพราะมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคนทั่วไปในด้านความเร็วและไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
จากประโยชน์ของ AI ข้างต้น จึงมีการนำเอาเทคโนโลยี AI เข้าไปช่วยในระบบการซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์ (Algorithmic trade)ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยบริษัท หรือนักลงทุนมืออาชีพ โดยที่ AI ช่วยในการหาราคาและจังหวะที่เหมาะสมในการส่งคำสั่งซื้อขาย หลังจากที่ระบบมีสัญญาณการซื้อหรือขายขึ้น อย่างไรก็ตามระบบการซื้อขายแต่ละระบบอาจมีความเหมาะสมกับลักษณะของตลาดที่แตกต่างกันออกไป เช่นบางโมเดลเหมาะกับตลาดที่มีทิศทางชัดเจน หรืออาจใช้ได้กับหุ้นบางกลุ่มในบางช่วงเวลาเท่านั้น ดังนั้นผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาเลือกให้เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุน และวัตถุประสงค์การลงทุนของตนเองด้วย
ข้อจำกัดของการใช้ AI ในการลงทุน
ในการพัฒนา AI มีสมองของตนเองแบบ Neural Network เพื่อให้สามารถคิดแทนมนุษย์ในเรื่องการลงทุนนั้นยังมีข้อจำกัดบางประการ เนื่องตลาดหุ้นในระยะสั้นมีการปรับตัวแบบไร้รูปแบบตามข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งข้อมูลที่คาดการณ์ได้ เช่นยอดขาย ผลกำไรสุทธิ การเติบโตของเศรษฐกิจ และข้อมูลคาดการณ์ไม่ได้ เช่นการเมือง การก่อการร้าย ภัยธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งอารมณ์ความโลภและความกลัวของมนุษย์ ปัจจัยหรือ input ที่มากมายในการเรียนรู้เหล่านี้ รวมถึงคุณภาพของข้อมูลที่นำมาเรียนอาจส่งผลให้ AI ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถเรียนรู้ข้อมูลได้อย่างครบถ้วนทั้งหมด AI จึงอาจจะมีข้อจำกัดสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น ต่างไปจากในอุตสาหกรรมอื่นเช่นด้านการแพทย์ การค้าปลีก หรือการขนส่งที่มีรูปแบบของการเกิดเหตุการณ์ที่มีความเป็นแบบแผนมากกว่า AI ก็จะสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำมากกว่า
ในเรื่องของความแม่นยำ AI ยังไม่สามารถทำผลลัพธ์ (output) ได้อย่างถูกต้อง 100% ดังนั้นในการพัฒนา AI โดยทั่วไปจะมีการกำหนดวัตถุประสงค์ว่าต้องการใช้ทำอะไร พร้อมกับมีระดับค่าความผิดพลาด หรือ error ของการตัดสินใจในระดับที่ยอมรับได้อยู่ที่ประมาณ 10% แปลว่า ตัดสินใจ 10 ครั้งอาจจะผิดได้ 1 ครั้ง โมเดลที่ถูกนำออกมาใช้แม้ว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในอดีต ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
นอกจากนี้การตัดสินใจของ AI มีลักษณะเป็น Black Box คือมนุษย์จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด AI ถึงตัดสินใจแบบนี้ออกมา เช่นหาก AI ตัดสินใจซื้อ หรือขายหุ้น จะไม่ได้มีการอธิบายเหตุผลออกมาให้ฟัง ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปถอดรหัสข้อมูลของโปรแกรมซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก Black Box รูปแบบนี้อาจทำให้ผู้ให้บริการไม่สามารถตอบคำถามของนักลงทุนเวลามีเหตุการณ์ผิดพลาดเกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบไปถึงกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแลธุรกรรมที่เกิดขึ้นกับ AI
การปรับตัวของอุตสาหกรรม
AI สามารถเรียนรู้ คิดและตัดสินใจได้เร็วกว่ามนุษย์ ไม่รู้จักเหนื่อยและไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ แม้ว่าจะยังคงมีข้อจำกัดบางประการสำหรับการประยุกต์ใช้ในด้านการลงทุน แต่การใช้ AI ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นแล้วในหลายอุตสาหกรรม เป็นไปได้ว่าในอนาคตหลังจากที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ความสำเร็จของ AI ในด้านการลงทุน นักลงทุนแทบทุนคนจะมี AI เป็นผู้ช่วยในการลงทุน จึงมีความสำคัญสำหรับผู้ประกอบธุรกิจและนักวางแผนการเงินการปรับแนวคิดและการบริการให้ทันกับยุคสมัยที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผศ. ดร. เทพฤทธิ์ บัณฑิตรัตนาวงศ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอส (ประเทศไทย) จำกัด
AI Trading (ปัญญาประดิษฐ์เทรดหุ้น)
28 ม.ค. 2562